ช่วงเดือนที่ผ่านมาได้มีโอกาสมีส่วนร่วมในการจัดงานใหญ่ของบริษัท2งานติดกัน
ทำให้เห็นมุมมองของงานในอีกแบบนึง
จากที่ปกติเป็นคนเข้าร่วมงาน ถึงเวลาก็มา ทำกิจกรรมเฉยๆ ไม่ต้องเตรียมอะไรมาก
ได้รู้สิ่งที่คนมาร่วมงานไม่มีทางรู้เลยว่าที่มา หรือ รายละเอียดแต่ละเรื่องต้องผ่านการคุย การแก้ มาไม่รู้กี่รอบ แม้สุดท้ายจะไม่ได้ใช้เลยก็ตาม…
ก่อนหน้านี้คิดว่าตัวเองเข้าใจคนที่เตรียมงาน อยู่เบื้องหลังพอสมควรเพราะก็เคยทำกิจกรรม เป็นคนเตรียมงานแบบนี้มาบ้างตอนเรียน
แต่พอได้ทำงานที่มีความคาดหวัง และแรงกดดันที่พลาดไม่ได้
ความเครียดและความกังวลก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
ผมเชื่อว่าสุดท้ายคนที่เตรียมงานทุกคน หวังว่าเตรียมงานเหนื่อยแค่ไหนไม่เป็นไร ขอให้งานออกมาราบรื่น และดีทึ่สุด
ก็พอใจแล้ว
.
ดังนั้นถ้าคุณได้มีโอกาสไปร่วมงานไหนแล้ว เกิดข้อผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ ไม่ราบรื่นบ้าง
ก็ช่วยใจเย็นๆนิดนึง
เพราะไม่ว่าจะเตรียมงานมาดีแค่ไหน วันจริงมักจะมีตัวแปรที่คาดไม่ถึงเข้ามาให้ตกใจเล่นอยู่เสมอ
ไม่มีใครอยากให้งานสะดุดหรอก
.
จากเรื่องนี้ทำให้รู้ว่า การพยายามเข้าใจคนอื่นโดยการเอาใจมาใส่ใจเรา (put yourself in other’s shoes)
ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะเข้าใจเค้าได้ทั้งหมด
จนกว่าคุณจะอยู่ในสถานการณ์นั้นเอง
.
คงเหมือนที่หลายๆคนที่พูดเหมือนกันหลังจากมีลูกใหม่ๆสินะ
ว่าไม่เคยรู้มาก่อนว่าการเป็นพ่อ/แม่คนมีความลำบากแค่ไหน
และรักท่านเพิ่มจากเดิมไม่รู้เท่าไหร่… :)
(โยงไปได้นะเรา :P)