เคยเห็นพระเอกพานางเอกวิ่งหนีหิมะก้อนใหญ่ๆ(Snowball)ที่กำลังกลิ้งลงมาจากภูเขาในหนังมั้ย?
เคยสงสัยมั้ยว่าทำไมลูกหิมะมันถึงได้ใหญ่เว่อร์กว่าตัวคนขนาดนั้น?
จริงๆแล้วลูกหิมะใหญ่ก็เกิดจากลูกหิมะเล็กๆบนยอดเขา (คนละอันกับแตงโมผลใหญ่ๆ เกิดขึ้นได้จากเม็ดแตงเล็กๆ ในเพลงเด็กอนุบาลนะครับ)
แต่ระหว่างหิมะกลิ้งลงมาตามเขา มันก็ค่อยๆขยายตัวเป็นหิมะก้อนใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น จากหิมะที่มันกลิ้งผ่าน
คนมาเห็นตอนลูกมันใหญ่มาก หยุดไม่ได้แล้ว เลยต้องวิ่งหนี (ฮา)
Snowball Effect หรือการขยายตัวของสถานการณ์, กระบวนการ ที่เกิดจากเรื่องหรือจุดเล็กๆ ไม่สำคัญนั้น ถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์และอธิบายสถานการณ์ในหลายด้าน ทั้งเศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ และด้านทางธุรกิจ เป็นต้น
แต่วันนี้จะมาเสนอ Snowball Effect ในมุมมองการพัฒนาตัวเอง
จากการสังเกตตัวเอง การทำให้ได้ตามเป้าหมาย หรือการเปลี่ยนแปลงนิสัย จะมามารมาผจญอยู่เสมอ
ทำให้หลายครั้งไม่สามารถเปลี่ยนตามตั้งใจไว้ได้
ยกตัวอย่างเรื่องการออกกำลังกาย
ส่วนตัวตั้งเป้าหมายว่าจะวิ่งครั้งละ 40 นาที อาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง
ช่วงแรกๆพอหลุดไม่ได้วิ่งไปครั้ง สองครั้ง ก็รู้สึกไม่ดีที่ทำตามเป้าหมายไม่ได้
ตอนหลังเลยเปลี่ยนวิธีคิดใหม่
เน้นความต่อเนื่อง หรือที่ทางวิศวะใช้คำว่า รักษาโมเมนตัม ไว้
ทำได้น้อยบ้าง มากบ้างไม่เป็นไร แต่อย่าหยุด
เพราะยังไงถ้าเป้าหมายชัดเจน (ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอให้สุขภาพแข็งแรง) ยังไงเราก็ยังอยู่บนทางที่ถูก (on-track)
เหมือนกับหิมะที่ก็บางจังหวะที่มันก็ไม่ได้เพิ่มขนาดอย่างรวดเร็วเพราะพื้นแถวนั้นไม่มีหิมะ หรือหิมะร่วนไม่ติดขึ้นมา
แถมคิดได้อย่างนี้ไม่เพียงจะไม่กดดันตัวเองเมื่อทำได้น้อย แต่จะเพิ่มความเชื่อมั่นในตัวเองว่าเรามาถูกทางแล้ว
รู้ว่าวันหนึ่งสิ่งที่เราพยายามทำเหมือนหยอดเหรียญใส่กระปุกนั้น จะติดเป็นนิสัยและให้ผลได้เหมือนหิมะก้อนใหญ่ๆ
ดีกว่าต้องล้มเลิกเป้าหมายไปเพราะเคยพยายามแล้วไม่สำเร็จ หรือกดดันตัวเองเกินไป
จริงมั้ยครับ…